ข้ามไปยังเนื้อหา

กินจุต้องไป! ร้าน kinniji ที่ U-Center (สามย่าน)

เอาหล่ะแค๊ฟ คราวนี้จะมาแนะนำร้านสำหรับคนกินจุ

ร้าน kinniji

ร้าน kinniji นั้นตังอยู่ที่ U-Center (สามย่าน) ซอย จุฬา 42 ถนนพญาไท แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กทม.10330
ร้าน
นี้เป็นร้านใหม่ เพิ่งเปิดได้ไม่นาน ร้าน  kinniji
เป็นร้านอาหารญี่ปุ่น(แหม่ ดูจากชื่อไม่บอกก็รู้) โดยจะเน้นที่เมนู
ข้าวหน้าชนิดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นปลา เนื้อ หมู ตามสไตล์ญี่ปุ่นแท้ๆ
แต่ที่อยากจะแนะนำสำหรับคนที่มั่นใจว่าตัวเองกินจุแน่ๆว่าต้องไปร้านนี้เท่า
นั้นก็คือ คือ.. อะไรยังไม่บอก ดูต่อไปแล้วกัน อิอิ

เห็นแผนที่กันแล้วก็สบายหล่ะ เดินทางไปถูกแน่

นี้
แหละ ที่รอคอย “กินหมดไม่ต้องจ่ายตัง” โอ้โห แถมให้เยอะซะด้วย
เหมาะสำหรับคนกินจุมากๆ แถมมีให้เลือกหลายระดับซะด้วย
ใครมั่นใจว่าตัวเองกินได้ระดับไหนก็ลองไปกันดู เสียอย่างเดียว
กินไม่หมดนี่จ่ายตังอานเลย 555

แต่ถ้าใครไม่ชอบกินจุ เมนูธรรมดาทั่วไปก็มี ไม่ใช่มาร้านนี้ต้องกินจนพุงแตกอย่างเดียว ลองดูหน้าตาแต่ละเมนูว่าจะน่ากินขนาดไหน

แหม่ น่ากินแบบนี้จะพลาดกันได้อย่างไร เอ่อลืมไป ร้านนี้เปิดเวลา 11.00 น. – 21.00 น. และปิดทุกวันอาทิยต์ สอบถามโทร.089-927-6922

เพิ่มเติม http://www.facebook.com/kinniji

ปล่อยใจสบายอารมณ์ไปกับ The Bagel Cafe@สุขุมวิท

The Bagel Cafe

ร้าน เดอะเบเกิลคาเฟ่ (The Bagel Cafe) เป็นร้านน่ารักๆ ตั้งอยู่ระหว่างซอยเอกมัย 4 และเอกมัย 6 ร้านนี้เป็นร้านขายเบเกอร์รี่ หรือก็คือร้านขายขนมปังนั่นเอง โดยทางร้านจะเปิดเวลา 9.00 – 18.00 และหยุดเพียงวันเดียวคือวันจันทร์

ภายในร้านตกแต่งสวยงาม ทันสมัย เหมาะแก่การมานั่งชิวๆ(ตากแอร์ให้หน้าแห้งกันไปเลย) แต่ห้ามยกพวกเข้ามาติวหนังสือกันนะจ๊ะ

ใน
ร้านมีขนมปังให้เลือกทานมากมาย แล้วแต่ชอบ อบกันใหม่ๆ
หอมกรุ่นจากเตา(ไม่ใช่ฟาร์ม…นะจ๊ะ) กินได้ทุกชิ้น อร่อยเหมือนกัน
เลือกไม่ถูก

ภาพจาก https://www.facebook.com/TheBagelCafe
ดูแผนที่และรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://drink.edtguide.com/https://www.facebook.com/TheBagelCafe                                                                        

สูตรอาหาร : กระเพราเนื้อสับ

กระเพราเนื้อสับ



เครื่องปรุง

  • เนื้อสับหยาบๆ 2-3 ขีด
  • พริกขี้หนู 10-15 เม็ด (เพิ่มหรือลดได้)
  • กระเทียม 15-20 กลีบ (เพิ่มหรือลดได้)
  • พริกชี้ฟ้า 3 เม็ด (นำเม็ดออก แล้วผ่าให้เป็นเส้น)
  • ใบกระเพรา
  • น้ำปลา ซอสหอยนางรม ซีอิ้วดำ น้ำตาล
  • เครื่องเคียง : ไข่ดาว มะนาว หรืออื่นๆตามชอบ


วิธีทำ

1. ตำพริกและกระเทียมให้เข้ากันพอหยาบ พักไว้
2.
ตั้งกระทะ ใส่น้ำมันพืชประมาณ 4-5 ช้อนโต๊ะ
หมุนๆกระทะให้น้ำมันเคลือบกระทะ พอน้ำมันเริ่มร้อน ปรับเป็นไฟแรง
แล้วเทพริกกระเทียมลงไป ผัดให้พอได้กลิ่นหอม ใส่เนื้อสับลงไป
เอาตะหลิวยีให้เนื้อกระจายไม่ให้จับเป็นก้อน
3. เมื่อเนื้อเริ่มสุก
เติมน้ำปลา น้ำตาล บางคนชอบให้เนื้อมีสีและกลิ่นรสเพิ่มขึ้น
จะใส่ซีอิ้วดำและซอสหอยนางรมเล็กน้อย (ให้ระวังเรื่องความเค็ม)
4.
ผัดให้ทุกอย่างเข้ากันดี จนเริ่มแห้งลงเล็กน้อย ชิมอีกครั้งหนึ่ง
เติมรสที่ยังขาดลงไป ใส่พริกชี้ฟ้า และใบกระเพรา ผัดอีกสักประมาณ 20 วินาที
ให้ใบกระเพราพอยุบตัว พร้อมกลิ่นหอมโชยแตะจมูก

5. ตักใส่จานพร้อมข้าวหอมมะลิร้อนๆ ทานเคียงกับไข่ดาวหรืออื่นๆตามชอบ

ที่มา http://www.toptenthailand.com/24-2440.html

10 อันดับ สุดยอดอาหารไทยสิ้นคิด!!

เวลาไปร้านอาหารตาม
สั่งไม่รู้จะกินอะไรดี
อยู่ๆดีเมนูนี้ก็แว่บเข้ามาในหัวทันทีแบบยังไม่ทันได้คิดมาก่อน เรามาดู 10
สุดยอดเมนูอาหารไทยสิ้นคิดกันดีกว่า

เครดิต : http://www.toptenthailand.com/234-top.html

10. ผัดไทย

9. ราดหน้า – ผัดซีอิ๊ว

8. สุกี้น้ำ-สุกี้แห้ง


7. ผัดพริกสดราดข้าว

6. ผัดพริกแกงราดข้าว


5. ผัดผักราดข้าว


4. ข้าวหมูทอดกระเทียมพริกไทย

3. ข้าวไข่เจียว

2. ข้าวผัด

1. ข้าวกะเพราไก่ ไข่ดาว

กินหมดไม่ต้องจ่ายตัง GOLD CURRY BANGKOK@พร้อมพงษ์

GOLD CURRY BANGKOK ร้านข้าวแกงกะหรี่ย่านพร้อมพงษ์
เปิดทุกวัน 11.00 น. -2.00 น.

GOLD
CURRY BANGKOK ร้านข้าวแกงกะหรี่ย่านพร้อมพงษ์
โดยเจ้าของร้านที่ชื่นชอบแกงกะหรี่ของคานาซาว่าเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
จึงอยากนำข้าวแกงกะหรี่สไตล์คานาซาว่ามาให้ชาวไทยได้รู้จักและลิ้มลองรสชาติ
กัน เอกลักษณ์ของแกงกะหรี่คานาซาว่าคือ เสิร์ฟมาในชามหรือภาชนะเงิน
มีกะหล่ำปลีหั่นฝอยโรยหน้ามาด้วย เนื้อแกงจะเหนียนข้น ปกติจะทานด้วยส้อม ทีร้านนี้สามารถเลือกชนิดของแกงได้ด้วย มีทั้งแกงกะหรี่เนื้อหมูและเนื้อวัวให้เลือกทานกัน

ร้านอาหารญี่ปุ่น GOLD CURRY BANGKOK มีพื้นที่ให้บริการ 2 ชั้น เปิดเพลงญี่ปุ่นคลอตลอดเวลา ฟังเพลินๆ ขณะทานอาหาร

โปรโมชั่นพิเศษ Friday is Gold Curry day!
ทุกวันศุกร์สามารถรับข้าวแกงกะหรี่โกลด์คัตสึ หรือ ข้าวห่อไข่ราดแกงกะหรี่ ได้ในราคาพิเศษ ดูรายละเอียดได้ตามรูป


เมนูแนะนำ


Gold Katsu Curry Rice ข้าวราดแกงกะหรี่โกลด์คัตสึ200 บาท (ไซส์ M)
เมนู
ยอดนิยมของร้าน
ทางร้านใช้เกล็ดขนมปังสดใหม่เพื่อทำให้หมูชุบแป้งทอดกรอบเป็นพิเศษ
หมูทอดจะกรอบนอกนุ่มใน เนื้อหมูแน่นไม่ร่วน
เข้ากับแกงกะหรี่ที่เข้มข้นรสชาติดี


Omelette Curry Rice ข้าวห่อไข่ราดแกงกะหรี่200 บาท (ไซส์ M)
อาหาร
ยอดนิยมอีกเมนูหนึ่งของร้าน
นอกจากหมูชุบแป้งทอดก็ยังมีออมเล็ตที่ฟูนุ่มจนทานได้เพลินๆ ไม่รู้เบื่อ
ยิ่งทานกับแกงกะหรี่คานาซาว่ายิ่งอร่อย


Cheese Hamburger Curry Rice ข้าวราดแกงกะหรี่แฮมเบิร์กชีส200 บาท (ไซส์ M)
ข้าว
ราดแกงกะหรี่หน้าแฮมเบิร์กชีส
การจับคู่ที่ดีที่สุดของน้ำเกรวี่ฉ่ำและชีสเยิ้มๆ
ทานกับแกงกะหรี่คานาซาว่ายิ่งเพิ่มความอร่อยเป็นเท่าตัว


Beef Tendon Stew Curry Rice ข้าวราดแกงกะหรี่เอ็นวัว200 บาท (ไซส์ M)
ข้าว
ราดแกงกะหรี่เอ็นวัว การผสมผสานกันของเอ็นวัวตุ๋นจนนุ่มละลาย
และแกงกะหรี่จากคานาซาว่า ทำให้ทุกคนได้สัมผัสกับรสชาติที่เข้มข้นยิ่งขึ้น


Hunton Curry Rice ข้าวราดแกงกะหรี่ฮันตัน220 บาท (ไซส์ M)
ทาง
ร้านได้นำเมนูข้าวฮันตันซึ่งเป็นของขึ้นชื่ออีกอย่างหนึ่งของคานาซาว่า
ข้าวฮันตันคือข้าวห่อไข่ ราดด้วยซอสแล้ววางซีฟู้ดทอดไว้ข้างบนอีกที
แล้วทางร้านก็เพิ่มแกงกะหรี่คานาซาว่าเข้าไป
ให้ทุกคนได้อร่อยกับของขึ้นชื่อแห่งเมืองคานาซาว่าพร้อมๆ กันทั้งสองอย่าง


Millefeuille Curry Rice ข้าวราดแกงกะหรี่มิวฟิว200 บาท (ไซส์ M)
ข้าว
ราดแกงกะหรี่มิวฟิว ที่เกิดจากการเรียงเนื้อหมูบางๆ ซ้อนกัน 10 ชั้น
แล้วค่อยนำไปทอดจนกรอบ นอกจากนี้ยังมีมิวฟิวเบคอน, มิวฟิวชีส
และหมูทอดเดอลุกซ์ให้เลือกอร่อยได้อีกด้วย


Fried Shrimp Curry Rice ข้าวราดแกงกะหรี่กุ้งชุบแป้งทอด180 บาท (ไซส์ M)
ข้าว
ราดแกงกะหรี่กุ้งชุบแป้งทอด
นำเอากุ้งชุบแป้งทอดที่มีรสสัมผัสอันกรอบนุ่มที่เป็นที่นิยมของเด็กๆ
มาเป็นท็อปปิ้ง เป็นอีกหนึ่งเมนูเด็ดที่คนทุกเพศทุกวัยจะต้องติดใจ


Gold Curry Rice ข้าวราดแกงกะหรี่โกลด์150 บาท (ไซส์ M)
ข้าว
ราดแกงกะหรี่โกลด์ เป็นข้าวราดแกงกะหรี่เปล่าๆ
ให้คุณได้ลิ้มรสแกงกะหรี่ต้นตำหรับอันน่าภูมิใจของทางร้าน
ซึ่งเปรียบเสมือนที่มาของแกงกะหรี่ทุกเมนูในร้าน
คุณสามารถเลือกท็อปปิ้งเพิ่มเติมเองได้อีกด้วย

แถมมีท้าแข่งกินจุกับ “ข้าวราดแกงกะหรี่แห่งการท้าทาย” ถ้าทำสำเร็จทานส่วนนั้นฟรีไปเลย นอกจากนี้ยังมีรางวัลพิเศษอื่นๆ อีกมากมายรอคุณอยู่

แผนที่

ที่มา http://jfoodsbkk.namjai.cc/e86395.html

ร้อนๆแบบนี้หาไรเย็นๆกินกีกว่า ที่ Pancake Cafe ลาดพร้าว

Pancake Cafe ลาดพร้าว
ร้านนี้เป็นร้านขายขนมหวาน แถมตกแต่งร้านได้น่ารักสดใส เหมาะแก่วัยรุ่น(หรือวัยคุณป้าคุณลุงก็ได้ อิอิ) โดยมีเมนูชูโรงคือแพนเค้กนานาชนิดที่มีให้เลือกมากมาย แถมบางเมนูก็ไม่ใช่แค่แพนเค้กอย่างเดียวเสียด้วย ยังมีไอติมแถมมาอีกต่างหาก เหมาะแก่การคลายร้อนยิ่งนัก

เดินทางไปร้านนี้ได้ไม่ยาก ร้านตั้งอยู่ที่ ถนนเกษตร-นวมินทร์ ตรงโครงการนวมินทร์ซิตี้อเวนิว ร้านแพนเค้กคาเฟ่อยู่ที่ชั้น 1 ของโครงการฯ

ร้านนี้มีของหวานให้กินเย้อ ไม่ว่าจะเป็น “บานาน่าช็อก” แพนเค้กรสช็อกโกแลตที่มาพร้อมกับกล้วยหอมและไอศครีมวานิลลาหวานๆ หรือจะเป็น “มิกซ์นัท” แพนเค้กที่รวมสารพัดถั่วเอาไว้ด้วยกัน และนอกจากนี้ยังมีเมนูอีกมากมายแถมมีเครื่องดื่มเย็นๆให้ได้ดื่มดับกระหายคลายร้อนอีกเพียบ

ร้านนี้เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 11.00 จนถึง 22.00 ว่างๆก็ลองไปดับกระหายคลายร้อนกันได้นะ คุคุ

ภาพและข้อมูลจาก http://drink.edtguide.com

สูตรอาหาร : ซี่โครงหมูทอดสามรส

 ซี่โครงหมูทอดสามรส


ส่วนผสม

  •     ซี่โครงหมู ขนาด 2 นิ้ว ครึ่ง กิโล
  •     เกลือ 1 ช้อนชา
  •     พริกไทย 1 ช้อนชา
  •     แป้งสาลี 2 ช้อนโต้ะ
  •     ซอสปรุงรส 2 ช้อนโต้ะ
  •     น้ำสับปะรด 3 ช้อนโต้ะ
  •     น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต้ะ
  •     น้ำส้มสายชู  2 ช้อนโต้ะ
  •     ซอสถั่วเหลือง 2 ช้อนโต้ะ
  •     สับปะรดหั่นชิ้น 5 ช้อนโต้ะ
  •     พริกหั่นเป็นฝอย 2 ช้อนโต้ะ
  •     น้ำมันพืช 2 ถ้วย

ขั้นตอนการทำ
1. หมักซี่โครงหมูด้วย เกลือ พริกไทย ซอสปรุงรส และแป้งสาลี ประมาณ 30 นาที
2. ตั้งกระทะน้ำมัน นำซี่โครงหมูที่หมักลงทอด ให้สุก พักให้สะเด็ดน้ำมัน และ เตรียมใส่จาน
3. เตรียม ซอสสามรส โดย ตั้งกระทะให้ร้อน ใส่น้ำสับปะรด น้ำตาล น้ำส้มสายชูและซีอิ๊วขาว ลงไปผสมให้เข้ากัน
4. ราดซอสสามรสใส่จานซี่โครงหมูทอด และแต่งหน้าจานด้วย สับปะรดและพริกหั่นฝอย
5. เสริฟ ซี่โครงหมู สามรส

ที่มา http://www.toptenthailand.com/24-964.html

เมนูอาหาร :ไก่ผัดขมิ้นสูตรโบราณ

ไก่ผัดขมิ้นสูตรโบราณ

เมนูอาหาร :ไก่ผัดขมิ้นสูตรโบราณ
อาหารจานนี้เป็นอาหารที่ผสมผสานวัฒนธรรมจากหลายชาติเข้าด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นไทย อินเดีย และแอฟริกัน ซึ่งอาหารจากสามชาตินี้จะประกอบด้วยเครื่องเทศที่รสชาติยอดเยี่ยม ว่าแล้วก็มาดูส่วนผสมกันก่อนเลย…

ส่วนผสม

  •     กระเทียม 2 กลีบ
  •     ก้านพลู 2 ก้าน
  •     น้ำมันคาโนล่า 1 ช้อนชา
  •     น่องไก่ 3 น่อง
  •     หอมใหญ่ 1 หัว ( ซอยละเอียดเตรีมใส่ถ้วยไว้ )
  •     ขมิ้น 4 ช้อนชา
  •     มะเขือเทศหั่นเป็นลูกเต๋าเล็กๆ 1 ถ้วยตวง
  •     โหระพาสด 1 ช้อนชา
  •     น้ำดื่มสะอาด 1/2 ถ้วยตวง
  •     ผักชีฝรั่ง
  •     เกลือและพริกไทย

ขั้นตอนการทำ

  •     ทุบกระเทียบ และก็ตั้งกระทะใส่น้ำมันพืชเล็กน้อย ใช้อุ่นน้ำมันจนร้อน และก็ทอดไก่จนไก่สุกเป็นสีน้ำตาล( ใช้ไฟปานกลาง ) หลังจากนั้นก็ใส่หอมใหญ่ที่เตรียมไว้ลงไปผัดประมาณ 8-10 นาที
  •     ใส่ขมิ้นและกระเทียมลงไปผัดรวมกับไก่ ใช้ไฟแรงและผัดเร็วๆประมาณ 3 นาที ก็ใส่มะเขือเทศและโหระพาสดตามลงไปผัดอีกโดยลดไฟลงมาใช้ไฟอ่อนและผัดต่ออีก 15 นาที
  •     ใส่น้ำลงไปและก็ผัดต่ออีก 5 นาทีเป็นอันเรียบร้อย
  •     ตักใส่จานโดยราดลงบนข้าว ปรุงรสด้วยเกลือและพริกไทยรับรองว่าท่านจะได้ไก่ผัดขมิ้นที่มีกลิ่นหอม และรสชาติเยี่ยมอย่างแน่นอน

ที่มา http://www.toptenthailand.com/24-2244.html

ชาบูหมูนุ้ม นุ่ม ที่ Mo Mo Paradise

Mo Mo Paradise

ที่อยากชวนมาทานร้าน Mo Mo Paradise เพราะที่นี่มีความพิเศษอยู่หลายอย่าง เช่น เนื้อวัวก็เป็นเนื้อจากออสเตรเลีย มาตรฐานเดียวกับที่ขายในร้านที่ญี่ปุ่น เนื้อหมูใช้เนื้อหมูคุโรบูตะ และแม้แต่ซุป ก็เป็นน้ำซุปแบบญี่ปุ่นแท้ๆ จากเชฟชาวญี่ปุ่น โดยปรุงรสชาติน้ำซุปให้พิเศษกว่าเจ้าอื่น ร้านในเมืองไทยจะมี 3 แบบ คือ แบบชาบู ชาบู (น้ำใส) แบบสุกียากี้ (น้ำดำ) และน้ำซุปมิโสะ กิมจิ

คุณสุรเวช เตลาน เจ้าของร้านบอกเราว่าเคล็ดลับการกินชาบู ชาบู และสุกียากี้ให้อร่อย ต้องกินตามลำดับขั้นตอน ซึ่งคุณสามารถดูได้จากคำแนะนำในแผ่นพับบนกระดาษรองจาน หรือจากพนักงานของร้าน

ใครที่ไม่ชอบทานชาบูๆ ลองมาทานร้านนี้แล้วคุณจะหลงรักชาบูขึ้นมาทันที เพราะเนื้อหมูที่นุ่มลิ้นแถมด้วยเนื้อวัวที่ชวนน้ำลายสอ แถมมีเคล็ดลับในการรับประทาน ทำให้รสชาติอร่อยขึ้นอีกเป็นเท่าตัว รู้อย่างงี้แล้วจะพลาดกันได้อย่างไร โดยปัจจุบัน Mo Mo Paradise เปิดแล้ว 4 สาขาที่เซ็นทรัลเวิลด์, คริสตัลดีไซน์เซ็นเตอร์, เทอร์มินอล 21 และเซ็นทรัลพระราม 9

ที่มา http://www.gmlive.com/mo-mo-paradise/

บุฟเฟ่ต์อาหารญี่ปุ่นขั้นเทพ Daiichi Japanese Restaurant@ชั้น 2 โรงแรม ดิ เอมเมอรัลด์

Daiichi Japanese Restaurant

คำว่า Daiichi (ไดอิจิ) ในภาษาญี่ปุ่น แปลว่า ยอดเยี่ยม เป็นที่หนึ่ง

บรรยากาศที่นี่มีความเป็นญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม ผสานกับความเป็นโมเดิร์นเข้าด้วยกัน มีกิมมิก คือเรือสไตล์ญี่ปุ่นลำใหญ่ ได้ซึ่งมีความเชื่อกันว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งความสำเร็จ นอกจากนั้นยังนำเฟอร์นิเจอร์และของสะสมสไตล์ญี่ปุ่นมาตกแต่งได้อย่างเป็นธรรมชาติ

ทุกเมนูล้วนเป็นอาหารบุฟเฟต์ญี่ปุ่นที่มีดีเทล ใส่ใจในรายละเอียด ไม่ว่าจะเป็นซูชิ ซาซิมิ เทปปันยากิ เทมปุระ ซุป และเครื่องดื่มของหวานให้เลือกมากมาย ที่สำคัญคือ มีความหลากหลาย ไม่จำเจ เพราะเชฟจะเปลี่ยนเมนูใหม่ๆ มาทุกเดือน

บุฟเฟต์ ผู้ใหญ่ราคาท่านละ 600 บาท++ และเด็ก 300 บาท ++ (จันทร์-พฤหัสบดี มา 4 จ่าย 3 เฉพาะมื้อกลางวัน) ห้องอาหารญี่ปุ่นไดอิจิ ชั้น 2 โรงแรม ดิ เอมเมอรัลด์ ถ.รัชดาภิเษก เปิดบริการเวลา 11.30-14.30 น. และ 18.00-22.00 น. สอบถามและสำรองที่นั่ง โทร. 0 2276 4567 ต่อ 8593

ที่มา http://www.gmlive.com/daiichi-japanese-restaurant/